ตะแกรงไฟเบอร์หรือไวร์เมชไฟเบอร์เหมาะกับงานประเภทไหน ? และเหตุผลที่ควรเปลี่ยนมาใช้แทนเหล็กไวร์เมช
หากคุณเป็นผู้รับเหมา หรือผู้ที่กำลังมองหาวัสดุที่ช่วยลดต้นทุนในงานก่อสร้าง แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพและความแข็งแรง ไวร์เมชไฟเบอร์อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับไวร์เมชไฟเบอร์ให้ลึกขึ้น พร้อมแนะนำว่ามันเหมาะกับงานประเภทใดบ้าง และทำไมคุณควรเปลี่ยนจากเหล็กไวร์เมชมาใช้วัสดุชนิดนี้แทน
ไวร์เมชไฟเบอร์คืออะไร?
ตะแกรงไฟเบอร์หรือไวร์เมชไฟเบอร์ถือว่าเป็นวัสดุสำหรับยุคสมัยใหม่ ที่มีการเริ่มใช้งานในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 เพื่อสร้างสะพาน โดยมีอายุการใช้งานมามากกว่า 25 ปีแล้ว การผลิตจากเส้นใยไฟเบอร์กลาสหรือ Glass Fiber Reinforced Polymers (GFRP) เฉพาะทางที่ทนต่อแรงดึงสูง และอีพ็อกซี่เรซิ่น (Epoxy resin) มีการขึ้นรูปด้วยวิธีตีเกลียวจนมีรูปร่างเป็นเหล็กเส้นใช้ยึดเหนี่ยวกับคอนกรีต ในการวางฐานรากตลอดจนใช้เป็นโครงแนวกันคลื่นตามแนวชายฝั่งทะเลอีกด้วย
เมื่อสามารถใช้งานตามแนวชายฝั่งทะเลได้นั้นหมายความว่าไวร์เมชไฟเบอร์สามารถใช้งานในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศแปรปรวนได้ ไม่ทำให้เกิดสนิมเหมือนกับเหล็กเส้นซึ่งจะช่วยในเรื่องของอายุการใช้งานและประสิทธิภาพของวัสดุอีกด้วย อีกทั้งในแง่ของการรับแรงดึงก็รับได้สูงกว่าเหล็กเส้นถึง 2-3 เท่าเลยทีเดียว และยังมีข้อดีอีกมากมาย หากคุณอยากรู้ว่าทำไม่คุณต้องใช้งานไวร์เมชไฟเบอร์แทนเหล็กเส้น สามารถอ่านข้อมูลพิ่มเติมได้ที่นี่
ไวร์เมชไฟเบอร์เหมาะกับงานประเภทไหน?
1.งานเทพื้นคอนกรีตขนาดเล็กถึงขนาดกลาง
เช่น พื้นบ้าน พื้นโรงรถ พื้นทางเดิน หรือพื้นร้านค้า และพื้นถนน ไวร์เมชไฟเบอร์ช่วยลดต้นทุนและน้ำหนักของโครงสร้าง ในขณะที่ยังคงความแข็งแรงและป้องกันการแตกร้าวได้ดี
2.งานที่ต้องรับแรงดึงสูง
ไวร์เมชไฟเบอร์สามารถรับแรงดึงได้มากกว่าเหล็กไวร์เมช ทำให้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการป้องกันการแตกร้าวจากการหดตัวของคอนกรีต เช่น พื้นโรงงานอุตสาหกรรมที่มีแรงสั่นสะเทือนบ่อยครั้ง
3.งานซ่อมแซมและบำรุงรักษาโครงสร้าง
สำหรับงานที่ต้องการเสริมแรงบริเวณที่เสียหายหรือเสื่อมสภาพ การใช้ไวร์เมชไฟเบอร์ช่วยให้การติดตั้งเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
การประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมของไวร์เมชไฟเบอร์
ไวร์เมชไฟเบอร์ไม่ได้ถูกจำกัดแค่ในงานก่อสร้างทั่วไปเท่านั้น แต่ยังถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง ตัวอย่างได้แก่ :
1.อุตสาหกรรมก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
ใช้ในงานเทพื้นถนน ลานจอดรถ สนามบิน หรือท่าเรือ เนื่องจากไวร์เมชไฟเบอร์ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับพื้นผิวคอนกรีต และลดโอกาสการแตกร้าวจากการใช้งานหนักหรือการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
2.อุตสาหกรรมพลังงาน
ในโรงงานพลังงานหรือสถานีไฟฟ้า ไวร์เมชไฟเบอร์ถูกใช้ในงานเทพื้นเพื่อรองรับเครื่องจักรหนัก รวมถึงพื้นที่ที่มีการสั่นสะเทือนหรือแรงกระแทกสูง
3.อุตสาหกรรมการเกษตร
ใช้ในการสร้างโรงเรือน พื้นฟาร์ม หรือทางเดินในฟาร์มปศุสัตว์ เนื่องจากวัสดุนี้ทนทานต่อความชื้นและการกัดกร่อนของสารเคมี เช่น ปุ๋ยหรือของเสียจากสัตว์
4.อุตสาหกรรมการผลิตและคลังสินค้า
เหมาะสำหรับพื้นโรงงาน พื้นคลังสินค้า หรือพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหนักจากการเคลื่อนย้ายสินค้าและเครื่องจักรหนัก ไวร์เมชไฟเบอร์ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความทนทานของพื้น
5.อุตสาหกรรมการบำรุงรักษาโครงสร้าง
ใช้สำหรับซ่อมแซมโครงสร้างที่เสียหาย เช่น พื้นที่แตกหรือผนังที่เริ่มเสื่อมสภาพ เพื่อเสริมความแข็งแรงโดยไม่ต้องเปลี่ยนและรื้อถอนโครงสร้างเดิม
ข้อดีของไวร์เมชไฟเบอร์เมื่อเทียบกับเหล็กไวร์เมช
1.ลดต้นทุน
ไวร์เมชไฟเบอร์มีราคาต่อหน่วยต่ำกว่าเหล็กไวร์เมช และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งเนื่องจากน้ำหนักเบากว่าประหยัดพื้นที่จัดเก็บ ทำให้สะดวกและง่ายต่อการขนส่ง
2.ติดตั้งง่าย
ไม่ต้องใช้เครื่องมือหนักหรือทีมงานจำนวนมากในการติดตั้ง ไวร์เมชไฟเบอร์สามารถคืนตัวเป็นแผ่นตรงได้ดั่งเดิมไม่จำเป็นต้องดัด ต่างจากเหล็กไวร์เมชที่ต้องมีการจัดวางโครงสร้างและเชื่อมต่ออย่างพิถีพิถัน
3.ป้องกันการแตกร้าวได้ดีกว่า
เส้นใยในไวร์เมชไฟเบอร์กระจายตัวอยู่ทั่วคอนกรีต ทำให้สามารถกระจายแรงดึงและลดการแตกร้าวได้ดีกว่าเหล็กไวร์เมช
4.น้ำหนักเบา
ช่วยลดภาระโครงสร้างโดยรวม และเหมาะสำหรับงานที่ต้องการลดน้ำหนักของตัววัสดุ
5.ปลอดสนิม
ต่างจากเหล็กไวร์เมชที่อาจเกิดสนิมเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมปกติหรือที่มีความชื้นสูง ในไวร์เมชมีคุณสมบัติทนทานต่อความชื้นและสารเคมีได้ดี ทำให้ไม่เกิดสนิมและไม่มีการผุกร่อน
ทำไมคุณควรเปลี่ยนมาใช้ไวร์เมชไฟเบอร์?
1.ประหยัดเวลาและแรงงาน
การติดตั้งไวร์เมชไฟเบอร์ใช้เวลาน้อยกว่า เนื่องจากไม่ต้องมีขั้นตอนการเชื่อมเหล็กหรือติดตั้งโครงสร้างซับซ้อน
2.ตอบโจทย์โครงการที่ต้องการความรวดเร็ว
สำหรับโครงการที่ต้องเร่งก่อสร้างหรือซ่อมแซม ไวร์เมชไฟเบอร์ช่วยให้กระบวนการเสร็จเร็วขึ้น โดยไม่ลดทอนคุณภาพของงาน
3.เหมาะกับทุกขนาดของโครงการ
ไม่ว่าจะเป็นงานเล็ก ๆ อย่างพื้นบ้าน หรือโครงการขนาดใหญ่ เช่น ลานจอดรถและคลังสินค้า ไวร์เมชไฟเบอร์ก็สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างหลากหลาย
4.ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
การใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาและลดการใช้เหล็กช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตและขนส่ง
ไวร์เมชไฟเบอร์เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการลดต้นทุน ยกระดับคุณภาพงานก่อสร้างแนวราบ เพิ่มความรวดเร็วในการก่อสร้าง และลดความเสี่ยงจากการเกิดสนิมของวัสดุเสริมแรงอย่างเหล็กไวร์เมช ด้วยข้อดีที่หลากหลายและเหนือกว่าเหล็กไวร์เมช ในด้านความคุ้มค่าและประสิทธิภาพ ไวร์เมชไฟเบอร์จึงเป็นวัสดุที่ตอบโจทย์ในงานก่อสร้างยุคใหม่อย่างแท้จริง
หากคุณกำลังพิจารณาเปลี่ยนมาใช้ไวร์เมชไฟเบอร์ อย่าลืมประเมินความเหมาะสมของโครงการ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวัสดุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานของคุณ รับรองว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะช่วยให้โครงการของคุณทั้งประหยัดและมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น!